เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อเงื่อม อังสุกาโร วัดกมลศรี จ.ตรัง เกจิผู้ร่างเผาไม่ไหม้ไฟ

Model
ซื้อ
จำนวน?
แบรนด์ สารพันพระแท้ 5
ประเภท ทองแดงรมดำ

เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อเงื่อม อังสุกาโร วัดกมลศรี จ.ตรัง

พระเกจิผู้ร่างเผาไม่ไหม้ไฟ

 

 

 

ประวัติอันอัศจรรย์ของหลวงปู่เงื่อม อังสุกาโร

คณะสงฆ์-ชาวบ้านกว่าครึ่งพัน ร่วมพิธีเคลื่อนย้ายสรีรสังขาร 'หลวงพ่อเงื่อม' พระเกจิดังเมืองตรังร่างเผาไม่ไหม้บรรจุไว้ในเจดีย์ราคา 8 ล้าน เผยทำพิธีศพเมื่อปี 2552 แต่เกิดเหตุอัศจรรย์เผาไม่ไหม้ทั้งๆ ที่ชโลมน้ำมันทั้งร่าง ชาวบ้านจึงพร้อมใจไม่เผาแต่เก็บไว้ในโลงแก้วรอบรรจุในมหาเจดีย์แทน

เมื่อเวลา 09.19 น. วันที่ 3 มี.ค. ที่วัดกมลศรี ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ผู้สื่อข่าวราย งานว่า พระเทพวิมลเมธี รองเจ้าคณะภาค 4 วัดโพทะเล จ.พิจิตร พร้อมด้วยนายชัยฤทธิ์ ถ่ายย้วน กำนัน ต.กะลาเส และคณะสงฆ์จากวัดดังต่างๆ ใน จ.ตรัง คณะกรรมการวัด และชาวบ้านกว่า 500 คน ร่วมประกอบพิธีเคลื่อนสรีระของพระครูกมลวรการ หรือหลวงปู่เงื่อม อังสุกาโร อดีตเจ้าอาวาสวัดกมลศรี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองตรัง ที่เคยบรรจุใส่ในโลงแก้วในศาลาการเปรียญวัดกมลศรี เคลื่อนไปที่พระเจดีย์วัดกมลศรีขนาดความสูง 18 เมตร ด้วยงบประมาณ 8 ล้านบาท ที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จได้ประมาณ 2 เดือน ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าวัด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการเคลื่อนขบวนระยะทางกว่า 100 เมตร ได้มีพิธีโยนเหรียญโปรยทานอัญเชิญดวงวิญญาณของหลวงปู่เงื่อมประดิษฐานเป็นการถาวรในเจดีย์วัดกมลศรี สำหรับให้ประชาชนได้กราบไหว้สักการะ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่กำลังยกโลงแก้วขึ้นไปยังบนแท่นภายในพระเจดีย์ เกิดเหตุไฟฟ้าดับลงอย่างไม่มีสาเหตุ ทำให้ผู้ที่มาเข้าร่วมพิธีต่างรู้สึกแปลกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ต่างเชื่อว่าเป็นความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงปู่เงื่อม ทั้งนี้ หลังประกอบพิธีแล้วเสร็จชาวบ้านต่างรุมแย่งตัดสายสิญจน์ที่ใช้ประกอบพิธี นำกลับไปบูชาเป็นสิริมงคลแก่ตนและครอบครัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณี 'พระครูกมลวรการ' หรือ 'หลวงปู่เงื่อม อังสุกาโร' อดีตเจ้าอาวาสวัดกมลศรี ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งได้มรณภาพเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2552 ได้กลายเป็นข่าวที่โด่งดังไปทั่วทั้งประเทศ อันเนื่องมาจากงานฌาปนกิจศพ ที่ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นท่ามกลางคณะสงฆ์ ศิษยานุศิษย์ และประชาชน ที่กำลังร่วมงานจำนวนนับพันคน ทั้งนี้ ขณะกำลังจุดเพลิงศพ เมื่อเวลา 19.19 น. ของคืนวันที่ 4 ส.ค.2552 ณ เมรุพิเศษวัดกมลศรี โดยได้มีการราดน้ำมันเบนซินใส่ลงไปในโลงศพไว้จนเต็มแล้ว แต่ทันทีที่สิ้นเสียงระเบิดของลูกหนู ก็เกิดไฟลุกท่วมเหนือโลงศพ จากนั้นได้ลุกไหม้เป็นเวลานาน 10 นาทีก็ดับลง แต่ปรากฏว่าสังขารร่างกายของหลวงปู่เงื่อมมิได้ถูกไฟไหม้เลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากผ้าขาวใช้คลุมร่างของท่านที่ถูกไฟไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้น คณะกรรมการวัดและคณะศิษยานุศิษย์จึงลงความเห็นไม่เผาศพท่านอีกต่อไป แต่กำหนดจัดเก็บสังขารของท่านในโลงแก้วภายในศาลาการเปรียญวัดกมลศรี เพื่อรอการบรรจุสังขาร ในพระเจดีย์วัดกมลศรีในครั้งนี้

สำหรับประวัติหลวงปู่เงื่อม เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 พ.ค.2470 ณ บ้านเลขที่ 37 หมู่ที่ 2 บ้านคลองใส ต.เขาไม้แก้ว อ.สิเกา จ.ตรัง เมื่อวันที่ 9 ก.ค.2500 อายุ 31 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดไม้ฝาด ต.ไม้ฝาด อ.สิเกา จ.ตรัง โดยมีพระครูสุตกิจวิจารณ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาอังสุกาโร ทั้งนี้ หลวงปู่เงื่อมได้ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างของสมณเพศอันดีงาม ได้ก่อสร้างศาสนสถาน-อาคารต่างๆ ภายในวัดกมลศรี เช่น กุฏิ เป็นที่พักของพระภิกษุ-สามเณร สร้างศาลาการเปรียญ เพื่อใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม รวมทั้งสร้างเมรุ ห้องน้ำ ห้องส้วม อาคารโรงครัว และศาลาที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพ รวมทั้งการก่อสร้างเจดีย์สำหรับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ขณะเดียว กันท่านยังให้การสงเคราะห์พระภิกษุ-สาม เณรได้ศึกษาพระธรรมวินัย ช่วยเหลือและอนุเคราะห์ชาวบ้านที่ยากไร้ สนับสนุนทุนการศึกษาให้กับนักเรียน โรงเรียนกมลศรีทุกปี ปีละ 4,000-5,000 บาท และยังเป็นพระอุปถัมภ์นักเรียนกำพร้าบิดา-มารดา 2 คน คนละ 2,000 บาทต่อปี ที่โรงเรียนกมลศรี กับโรงเรียนบ้านพรุเตย

ลำดับสมณศักดิ์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2543 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ในราชทินนามว่า พระครูกมลวรการ ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2523 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดกมลศรี นอกจากเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาที่สร้างคุณูปการแก่ชุมชนสังคมและสร้างความเจริญให้วัดและชุมชนมากมาย ซึ่งท่านได้สร้างและบูรณปฏิสังขรณ์ ศาสนสถานต่างๆ ภายในวัดมากมาย จนเจริญรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่ออายุ 82 ปี พรรษา 51

วันเดียวกัน ที่ จ.หนองบัวลำภู ผู้สื่อข่าวได้ไปที่วัดศิลาวุฒาราม บ้านหินลับ หมู่ 4 ต.หนองสวรรค์ อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู พบบรรดาชาวบ้านต่างพากันก่อสร้างเมรุที่จะใช้ในการพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อพระครูประสาทสมณกิจ อดีตเจ้าอาวาสวัด และดีตรองเจ้าคณะอำเภอเมืองหนองบัวลำภู ที่มรณภาพเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2550 สิริอายุ 80 ปี พรรษา 59 ยังคงสภาพเหมือนร่างกายคนปกติเพียงแต่สีผิวดำคล้ำ ไม่มีส่วนใดเน่าเปื่อยเหมือนร่างกายคนที่เสียชีวิตทั่วไป ที่น่าอัศจรรย์ก็คือมีเส้นเกศาหรือเส้นผมสีขาวงอกออกมา ทั้งๆ ที่ระยะเวลาผ่านมาจะครบ 5 ปี

นายระวี ก่านหงษ์ อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 107 หมู่ 4 ต.หนองสวรรค์ กรรม การวัดเปิดเผยว่า เป็นที่น่าสังเกตว่าที่อื่นๆ เมื่อมีพระสงฆ์มรณภาพแล้วร่างกายไม่เน่าเปื่อย มักจะเก็บรักษาไว้เพื่อให้เป็นที่กราบไหว้บูชา แต่สำหรับสังขารของหลวงพ่อพระครูประสาทสมณกิจ ยังมีพิธีพระราชทานเพลิงศพซึ่งมีมติของวัดและชุมชนได้กำหนดพิธีขึ้นในวันที่ 17 มี.ค. เวลา 16.00 น. ซึ่งทั้งพระสมุห์เดช เตชปุญโญ เจ้าอาวาสปัจจุบัน รวมทั้งชาวบ้านและกรรม การวัดร่วมกันหารือและได้ข้อยุติดังกล่าว อันที่จริงก็มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและก็ไม่เห็นด้วยที่จะพระราชทานเพลิงศพหลวงพ่อ แต่เมื่อได้มีการประชุมหารือกันแล้วก็ได้ข้อคิดว่าแม้แต่พระพุทธเจ้าซึ่งเป็นองค์ศาสดา ก็ยังมีพิธีประชุมเพลิงอันแสดงถึงการไม่ยึดติดกับสังขาร

ฉะนั้นแล้วหลวงพ่อที่เป็นศิษย์ของพระศาสดาก็ควรที่จะมีพิธีการประชุมเพลิงเช่นเดียวกัน จึงได้ร่วมกันขอพระราชทานเพลิงศพขึ้น โดยงานจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 14-18 มีนาคม 2555 นี้ โดยทางวัดได้เตรียมพระผง รูปเหมือนหลวงพ่อไว้เพื่อให้ลูกศิษย์เช่าบูชา ทั้งนี้ขอให้คิดเสียว่าสังขารไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นไปตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกประการ

เหรียญรุ่น 1 เป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวที่ท่านได้ปลุกเสก เชื่อกันว่าสามารถใช้ป้องกันภยันตรายทั้งปวง คงกระพัน มหาอุด แคล้วคลาด ปลอดภัยแก่ผู้ที่นำไปบูชา ปัจจุบันหายากมาก เป็นที่หวงแก่ผู้ที่มีไว้บูชา